ในเครือข่ายส่วนตัวเราสามารถที่กำหนด Namespace เองได้ และเราอนุญาตให้ Clients ไปแก้ปัญหาชื่อบน Internet โดยไม่ต้องอายุการค้นหา DNS server ภายนอกโดยตรงได้การติดตั้ง DNS Server Serviceเราสามารถกำหนดค่า Windows Server 2003 และ Windows XP ให้เป็น DNS Client แต่ถ้าเป็น DNS server กำหนดได้เฉพาะใน Windows Server 2003 โดยเราต้องเพิ่มบริการ DNS Server ก่อน (จาก Add role ใน Manage Your server หรือใน Add/Remove Windows Components)เราสามารถที่ไปที่ Administrative Tools > DNS เพื่อกำหนดค่าและจัดการ DNS Server Services ได้การกำหนดค่าใน DNS Serverในการสร้างโซนใหม่จะมีขั้นตอนเป็น Wizard ที่เรียกว่า DNS Server Wizard ซึ่งจะมีการกำหนดบทบาท DNS Server และค่าที่จัดเก็บฐานข้อมูล เราสามารถที่เรียก DNS Server Wizard ได้ในตอนหลังโดยคลิกขวาที่ Computer Node ใน DNS Management
การสร้างโซนโซนมีสองประเภทคือ Forward lookup และ Reverse lookup โดยทั่วไปเราจะแก้ปัญหาจากชื่อโฮสต์เป็น IP Address เรียกว่าใช้ Forward lookup zone ถ้าจาก IP Address เป็นโฮสต์ก็จะเป็น Reverse lookup zoneการสร้างทั้ง Forward และ Reverse จะต้องกำหนดชื่อโซนก่อนชนิดโซนแบ่งเป็นบทบาทต่างๆดังนี้- Primary เป็นชนิดที่รองรับข้อมูล และการจัดการข้อมูลต่างๆ- Secondary เป็นโซนที่สำรองจาก Primary Zone และสามารถที่โอนถ่ายฐานข้อมูลจาก Primary หรือ Secondary อื่นได้- Stub เป็นการก๊อปปี้เฉพาะข้อมูลที่จำเป็นจาก Master zone
เข้าใจเกี่ยวกับชนิดเครื่อง Serverจะมีบทบาท Primary, Secondary, และ Caching- Primary Server แบ่งเป็นสองแบบ สามารถที่อัพเดตข้อมูลส่งไปที่ Secondary สามารถที่ป้องกันข้อมูลในการโอนถ่ายไฟล์โดยกำหนด Zone transfer - Standard Primary Zones เป็นเครื่องหนึ่งเดียวในโซน และรองรับมาตรฐาน - Active Directory-Integrated Zones เป็นการทำงานรองรับกับ Active Directory มีกลไก Fault- tolerance และจะถูกสร้างใน Active directory Domain controller- Secondary DNS สามารถดึงข้อมูลจาก Primary หรือ Secondary ได้ โดยเครื่องที่ดึงมาเป็นบทบาท Master ซึ่งถ้า Master ไม่ให้ Zone transfer ก็จะดึงข้อมูลมาไม่ได้- Stub servers เป็นการก๊อปปี้ข้อมูลอย่างย่อเฉพาะในรายการที่ได้รับอำนาจสำหรับ Master zone บ่อยครั้งจะใช้กับ parent zone เพื่อเก็บข้อมูลที่อัพเดต- Caching only เป็นการกำหนดให้ค้นหาอย่างเดียวไม่มีการกำหนดชื่อโดเมน เป็นเพียงให้ DNS client ชี้มา ค้นหาข้อมูลที่เก็บไว้อยู่ในฐานข้อมูลแคชในการตรวจสอบระบบของ Cache ถ้าไม่พบจะวิ่งไปที่ Root-level DNS Server โดยมีการค้นหาตามลำดับชั้นการตั้งค่าใน DNS Serverไฟล์แรกคือ BOOT จะเริ่มจากการสร้างไฟล์ฐานข้อมูลเรียกว่า Zone file (มี Primary, Secondary, Cache มีกี่ไฟล์ก็ได้ใน DNS Server) และใน Zone file ก็จะเก็บ Resource Record ที่นิยมใช้มี NS, A, CNAME, MX - เรคคอร์ดแรกเรียกว่า Start of Authority (SOA) มีการกำหนดข้อมูลไม่ว่าจะแคชของเวลา หรือ Serial อื่นๆ- NS คือ Name Server เป็นการระบุ DNS server- A คือ Address ที่กำหนดชื่อ Host name กับ IP Address ในเพิ่มสามารถที่กำหนดด้วยมือด้วยคำสั่ง Dnscmd หรือ DNS
หรือใช้ DNS client ใน Windows 2000/XP2003
หรือใช้ DHCP ช่วย- C-name คือการกำหนด Cannonical Name หรือชื่อเล่นต้องมีการกำหนด A ก่อน และใช้ชื่อมากเปลี่ยนเป็นชื่อเล่นอีกชื่อ- MX คือ Mail Exchange จะบอกเครื่องใดเป็นที่แลกเปลี่ยน Mail มีการกำหนดลำดับความสำคัญด้วย- PTR เป็นเรคคอร์ดที่ใช้ร่วมกับ Reverse lookup zones ตัวอย่างเช่น172.16.48.1 กับชื่อ server1.xyz.com ก็จะเป็นเรคคอร์ด1 PTR Server1.xyz.com ใน Reverse lookup zone- SRV เป็นเรคคอร์ด Service location ในระบุหน้าที่ของบริการด้วย โดย DNS จะให้ค่า Application servers ไปด้วยใน Windows Server 2003 Active Directory ใช้กับ Netlogon, LDAP เป็นต้น ตัวอย่างอยู่ที่โฟลเดอร์ _ldap._tcp.xyz.com เมื่อเข้าไปดูจะมี _ldap._tcp SRV 0 0 389 dc1.xyz.com
โดยค่าที่กำหนด 386 เป็นพอร์ตนั่นเองหมายเหตุ Reverse Lookup Zone เป็นการโดยใช้หมายเลข IP Address ที่มีการกลับหมายเลข Network ID ตัวอย่างเช่น 192.59.66.0 เป็น Network ID และกลับมาเป็น 66.59.192.in- addr.arpaตัวอย่างรูปแบบข้อมูลเรคคอร์ดOwner TTL Class Type RDATA
Owner เป็นชื่อของโฮสต์ หรือ DNS domainTTL เป็นเวลาที่กำหนดวินาที 32 บิตกำหนดค่าที่เก็บในแคชClass บอกค่า Protocol ที่ใช้ เช่น IN เป็น InternetType เป็นค่าบอกชนิดเช่น A หรือ SRV เป็นต้นRDATA เป็นค่าที่ปรับเปลี่ยนได้ และเป็นข้อมูล
เราสามารถที่ดูแคชใน DNS Server ได้โดยไปที่เมนู View > Advanced และคลิกเข้าไปดูในโฟลเดอณื Cached lookup ถ้าต้องการให้เริ่มใหม่ใช้คำสั่ง dnscmd /clearcacheการแก้ปัญหาเรื่องชื่อโดยใช้ไฟล์ Hostsเป็นการแก้ปัญหาเบื้องต้น ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้◦กำหนด IP Address กับ Hostname ในทุกๆเครื่อง ◦สร้างไฟล์ Hosts แม็บในแต่ละเครื่อง ◦วางตำแหน่งในแต่ละเครื่อง ตัวอย่างการสร้างไฟล์ ให้นำหมายเลข และชื่อ ถ้าต้องการเพิ่มคำแนะนำใช้ #การแก้ปัญหาเรื่องชื่อโดยใช้ DNS Nameมีการออกแบบที่มีการอัพเดตโดยในแต่ละ DNS เองมีการรองรับการร้องขอชื่อเป็น IP Address ดูขั้นตอน การทำงานของ DNS- ถ้า Name server สามารถหาชื่อเจอได้จากฐานข้อมูลตนเองจะส่งตอบกับ Client- ถ้าไม่พบในฐานข้อมูลตนเอง จะทำการค้นหาที่ DNS อื่น และส่งไปให้ Client ทราบDNS Server สามารถกำหนดได้หลายเครื่อง เพื่อกระจายโหลดองค์กร โดยลูกข่ายสามารถติดต่อกับ DNS Server ตัวใดก็ได้ DNS namespace จะมีการแบ่งทำงานเป็นระดับชั้น ในกรณีที่ระบบวิ่งหาจะไปที่ (.) หรือ Root และต่อไปเป็นชื่อโดเมนที่เรียกว่า Top Level domain (TLDs) ถ้ามีชื่อประเทศก็จะเป็น .th (Thailand) และ .jp (Japan) เป็นต้นระบบการหาชื่อจะทำการตรวจสอบเป็นทีละชั้นกระบวนการทำงาน จะมีขั้นตอนการทำงานต่างๆข้อมูลเหล่านี้หาดูได้จาก www.icann.org (ย่อจาก Internet Corporation For Assigned Names and Numbers)การลงทะเบียนในโดเมนการลงทะเบียนชื่อให้ไปจดที่ ICANN ซึ่งเข้าไปใน www.internic.net จะได้ .com, .net, .gov และอื่นๆถ้าต้องการลงทะเบียนในประเทศไทยไปที่ www.thnic.net จะได้ .th
การตั้งค่าใน DNS Clientเราสามารถกำหนดค่าคุณสมบัติได้จาก Internet Protocol (TCP/IP) Propertiesการใช้เครื่องมือ DNSมีทั้งการใช้เครื่องมือตรวจสอบ และการใช้งาน เช่น Ping, FTP, Browser, Telnet เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดสามารถเรียกใช้ได้ทั้ง FQDN และ IP Address ก็ได้การตรวจสอบชื่อด้วยการ Pingตัวอย่าง Ping 192.1.14.2 หรือใช้ชื่อ Ping williepc.remotenet.com แต่ถ้าเป็นชื่อต้องกำหนด DNS ด้วยการตรวจสอบชื่อด้วยคำสั่ง Nslookupเป็นคำสั่งที่ใช้ตรวจสอบโดยมีทั้ง Batch mode และ Interactiveตัวอยางการใช้งานเช่น Nslookup
พิมพ์ Help ถ้าต้องการดูคำช่วยเหลือLs –d ชื่อโดเมนถ้าต้องการเปลี่ยนเครื่อง Server ให้ใช้คำสั่ง server ชื่อFQDN หรือ IPAddressDynamic DNSในระบบ BIND 8.1.2 รองรับการทำงาน Dynamic Update รวมถึง Windows 2000 ด้วยเช่นกัน ซึ่ง DHCP สามารถแจกหมายเลข IP Address พร้อมกับอัพเดตชื่อใน DNS ได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น