2.2 เข้าใจเกี่ยวกับ IP Address
ใน TCP/IP จะมีกลไกในการแม็บกับค่า MAC Address ที่ติดต่อเรียกขั้นตอนนี้ว่า Address Resolution Protocol (ARP) ซึ่งจะมีการสร้างตาราง ARP ที่แม็บ Logical Address (IP Address) กับ Mac address ขั้นตอนในการติดต่อ1. ถ้าตำแหน่งที่ติดต่ออยู่ใน Network segment เดียวกันระบบสามารถที่จะส่งจาก Source และ Destination ได้โดยตรง2. แต่ถ้า Destination อยู่ต่างที่กันระบบจะทำงานดังนี้a. ข้อมูลส่งไปที่ gateway โดยใช้ ARP ตาราง ARP Cached จะบันทึก MAC address กับ IP Address ของ Routerb. ในข้อมูลจะส่งผ่านโดยดูใช้ชั้นที่สูงขึ้นคือ Internet แสดงส่งข้อมูลโดยพิจารณาจาก Routing Tablec. เมื่อผ่าน Router ไปถึงเป้าหมายก็จะส่งในขา Router นั้นไปที่เป้าหมายที่ต้องการในการส่งข้อมูลนี้จะต้อง- ระบุเครื่องบนเครือข่าย- ต้องมีการกำหนด Gateway ที่ Router- อุปกรณ์ที่ใช้ต่างกันจะต้องมี Router ในการส่งข้าม เช่น Token Ring กับ Ethernet หรือ LAN กับ WAN- มีการแปลง Logical IP Address ของ Destination network ไปเป็น Physical address ของเครื่องที่ติดต่อการส่งข้อมูลระบบสามารถใช้ IP กับ ARP ในชั้น Internet และสามารถที่ใช้ ICMP protocol ในการตรวจสอบปัญหา และแก้ปัญหาInternet ProtocolIP Protocol เป็นอิสระกับฮาร์ดแวร์ที่มีความสลับซับซ้อน สามารถที่ Route ข้ามเครือข่ายหมายเลขจะต้องมีหมายเลขเดียวในเครือข่ายเลขที่ใช้คือเลขฐาน 10 สี่ตัว มีการแยก Network ID กับ Host ID ฟิลด์ IP Header (มาตรฐาน RFC 791)- Version ระบุว่าเป็นเวอร์ชั่น 4 หรือ 6 เช่น 0100 เป็นเวอร์ชั่น 4- Internet Header Length (IHL) ใช้ 4 บิตในการบอกความยาวของ IP header - Type of Service โดยทั่วไปเป็น Normal- Total Length
- Identification ใช้ร่วมกับ Flags และ Fragment Offset ถ้ามีการแตกข้อมูลหมายเลข ID ต้องตรงกัน- Flags เป็นการระบุว่าข้อมูลนี้มีอีกหรือไม่ - Fragment Offset เป็นการระบุตำแหน่งใช้ในการรวมข้อมูล- Time to Live เป็นค่าที่ใช้ลดปัญหาแพ็ตเกจข้อมูลขยะ- Protocol ถ้าเป็น ICMP หมายเลขคือ 1, TCP คือ 6, UDP คือ 17- Header Checksum ใช้ตรวจสอบความถูกต้องข้อมูล- Source IP Address
- Destination IP Address
- IP Options
- Padding
- IP Data payload
IP Addressingมีการแบ่งดังนี้Address Class หมายเลขของออกเตตแรก บิตที่จอง (จากบิตแรก) Subnet Mask จำนวน Networks จำนวน Hosts
A 0-126 0 255.0.0.0 126 256*256*256 - 2
B 128-191 10 255.255.0.0 256*64 256*256-2
C 192-223 110 255.255.255.0 32*256*256 254
D 224-239 1110 255.255.255.240 จองสำหรับ Multicast
E 240-248 11110 255.255.255.248 จองไว้ไม่ได้ใช้
หมายเหตุ *127 ไม่ใช้เพราะเป็น Local Loopbackหมายเลข IP แบ่งเป็น Public IP Address กับ Private IP Addressโดยทั่วไปเป็น IP สาธารณะ องค์กรที่กำหนดหมายเลขหรือให้กลุ่มหมายเลขที่ไม่ซ้ำกัน IANA (Internet Assigned Numbers Authority)แบ่งออกเป็น 4 ย่านคือ- APNIC
- ARIN
- LACNIC
- RIPE
และ IP Address ที่อยู่ช่วงนี้10.0.0.0-10.255.255.255, 172.16.0.0-172.31.255.255, 192.168.0.0- 192.168.255.255, 169.254.0.0- 169.254.255.255
เป็น IP ส่วนตัวคลาส D และ Eในการสื่อสาร TCP/IP เป็นการติดต่อจาก Host-to-Host ถ้าเป็นคลาส D จะเป็นการติดต่อแบบ Multicast ดูตารางด้านบนควบคู่กัน หมายเลข IP พิเศษในบิต 255 จะเป็นการบรอดคลาสเช่น Network ID 129.152 มีการบรอดคลาสโดยใช้ 129.152.255.255ถ้าเป็น 255.255.255.255 เป็นการบรอดคลาสทั้ง Network และ 127, 10, 172, 192.168, 169.254 ดูด้านบนเป็น Private IP127.x.x.x เป็น Local Loopback255.255.255.255 เป็นบรอดคลาส10.x.x.x เป็น Private Class A172.16.x.x-172.31.x.x เป็น Private Class B192.168.x.x เป็น Private Class C
169.254.x.x ใช้เป็น AutoPrivate IP Address 0.0.0.0 บอกถึง Network ทั้งหมด
วิธีตรวจสอบ IP Addressเราสามารถกำหนด IP Address ได้แบบต่างๆดังนี้- กำหนดด้วยมือ- กำหนดด้วย DhCP- ใช้แบบ Automatic Private IP Addressing - การกำหนดค่า Alternate configuration เอง คือไม่มี DHCP Server แต่ผู้ดูแลกำหนดเองให้เป็น IP Address ที่ต้องการ
ความเข้าใจเกี่ยวกับ IP addressผู้เรียนพบว่าหมายเลข IP Address แบ่งเป็น 4 ชุด ชุดละ 8 บิต ถูกแปลงจากเลขฐานสองเป็นเลขฐานสิบดังนั้นผู้กำหนด IP Address ต้องมีความเข้าใจในการแปลงเลขฐานสองเป็นฐานสิบ และจากฐานสิบไปเป็นฐานสอง โดยอาจจะใช้เครื่องคิดเลขเข้้าช่วยได้ค่าหมายเลขที่กำหนดแบ่งเป็นสองชุดหลักๆคือ Network ID และ Host ID โดยค่า Subnet mask เป็นตัวแบ่งเครือข่าย เช่น 192.168.2.11 Subnet mask เป็น 255.255.255.0 Network ID คือ 192.168.2.0 ์Host ID คือ 11บางครั้งจะเขียนเป็นจำนวนบิตแทนดังนี้ 192.168.2.11/24 มีความหมายเดียวกันโดยทั่วไปถ้าเป็น Class A, B, C จะมีค่า Subnet Mask ดีฟอลท์อยู่แล้วจากตารางด้านบน แต่ถ้ากำหนดแตกต่างก็มีสิทธิเป็นไปได้เรียกว่าการแบ่ง Subnetting หรือ Supernettingเมื่อพบว่าเครื่องที่ติดต่ออยู่ต่างเครือข่ายกันจะต้องมีการกำหนด default gateway เพื่อเป็นทางออกในการส่งต่อไปยังเครื่องที่อยู่ภายนอก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น